พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกของนักเรียนชั้นประถมศึกษา กรณีศึกษา : โรงเรียนวัดทุ่งแย้ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช

Abstract

การศึกษามีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกของนักเรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนวัดทุ่งแย้ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีความแตกต่างทางเพศ ระดับการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ลักษณะที่อยู่อาศัย อาชีพของผู้ปกครอง การได้รับข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ เจตคติ แรงสนับสนุนทางสังคมกับพฤติกรรมการป้องกันโรค ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 242 คน พบว่านักเรียนชายและหญิง ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน อาชีพผู้ปกครอง ลักษณะที่อยู่อาศัย การได้รับข้อมูลข่าวสารแตกต่างกัน มีความรู้ เจตคติ แรงสนับสนุนทางสังคมและพฤติกรรมการป้องกันโรคไม่แตกต่างกัน นักเรียนที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีความรู้ เจตคติ แรงสนับสนุนทางสังคมและพฤติกรรมการป้องกันโรคไม่แตกต่างกันที่ระดับ .05 นักเรียนที่มีบริเวณบ้านแตกต่างกัน มีเจตคติต่อการป้องกันโรคแตกต่างกันทีระดับ .05 โดยความรู้ (K, t = -0.680, P = 0.497) เจตคติ (A, t = 1.497, P = 0.136) และแรงสนับสนุนทางสังคม (E, t = 9.121, P = 0.000) สามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการป้องกันโรคได้ 91% (F 3,239, .01 = 802.861, R2 = 0.910) ได้รับแบบการถดถอยเป็นพฤติกรรม = -0.094K+0.054A+0.248E ดังนั้น การได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมอย่างต่อเนื่องน่าจะทำให้นักเรียนมีความรู้ มีเจตคติที่ดี สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกได้