DSpace
 

DSpace at Nakhon Si Thammarat Rajabhat University >
หอสมุดกลาง >
วิทยานิพนธ์ >

Please use this identifier to cite or link to this item: http://dspace.nstru.ac.th:8080/dspace/handle/123456789/2062

Title: ผลของการจัดการเรียนรู้แบบไตรลิกขาที่มีต่อผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6
Authors: ประพัฒน์ธรรมกิจ ทั่วจบ
Keywords: ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน -- การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา) -- วิจัย
เจตคติต่อการเรียนพระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา) -- วิจัย
Issue Date: 24-Sep-2014
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้แบบไตรลิกขา 2)เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้แบบไตรลิกขากับเกณฑ์คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 70 และ 3) เปรียบเทียบเจตคติต่อทางการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้แบบไตรลิกขา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 โรงเรียนบ้านหนองใหญ่ จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 32 คน ซึ่งไดมาจากการซุ่มอย่างง่าย (simple random sampling) โดยใช้โรงเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบไตรลิกขา หน่วยการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม และ3) แบบวัดเจคติต่อการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม แบบแผนการทดลองที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือแบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผงก่อนและหลังการทดลอง (One group pretest-posttest design) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย x̅ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.) และทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test แบบ dependent samples test และ t-test แบบ one samples test ผลการวิจัยพบว่า 1.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขาสูงกว่าก่อนจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนร็แบบไตรสิกขากับเกณฑ์สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.เจตคติต่อการเรียนพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ก่อนการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขาในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางแต่หลังจากการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ก่อนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบไตรสิกขาอยู่ในระดับน้อยแต่หลังจากจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านเนือหาการเรียนรู้และด้านคุณค่าความสำคัญและประโยชน์ก่อนการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับปานกลางแต่หลังจากการจัเการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด และพบว่าเจตคติต่อการเรียนสาระพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมของนักเรียนทั้งในภาพรวมและรายด้านหลังการจัดการเรียนรู้ แบบไตรสิกขาสูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
URI: http://dspace.nstru.ac.th:8080/dspace/handle/123456789/2062
Appears in Collections:วิทยานิพนธ์

Files in This Item:

File Description SizeFormat
Title.pdf964.53 kBAdobe PDFView/Open
Chapter1.pdf1.2 MBAdobe PDFView/Open
Chapter2.pdf4.51 MBAdobe PDFView/Open
Chapter3.pdf1.84 MBAdobe PDFView/Open
Chapter4.pdf413.62 kBAdobe PDFView/Open
Chapter5.pdf842.11 kBAdobe PDFView/Open
Reference.pdf659.2 kBAdobe PDFView/Open
Appendix.pdf3.82 MBAdobe PDFView/Open
Biography.pdf212.49 kBAdobe PDFView/Open
Fulltext.pdf1.92 MBAdobe PDFView/Open

Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.

 

Valid XHTML 1.0! DSpace Software Copyright © 2002-2010  Duraspace - Feedback